สำหรับโปรแกรม Adobe Illustrator คือ โปรแกรมที่ครบเครื่อง ใช้ในการออกแบบได้อย่างหลากหลาย หากแต่สำหรับมือใหม่ที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพขั้นสูงขนาดนั้น ต้องการฝึกใช้ให้เป็นในระยะเวลาอันรวดเร็ว เราขอแนะนำให้คุณใช้บริการผ่านเว็บก็ได้ ซึ่งใช้งานง่ายกว่า ไม่ต้องติดตั้งลงเครื่อง และมีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับ Adobe Illustrator เลย

Gravit Designer

มีความเร็วในระดับขีดสุด มาพร้อมฟีเจอร์พื้นฐานอย่าง Pen tool, Pathfinder, Freehand ให้ใช้งานอีกด้วย ปังจริงๆ และเพื่อความรวดเร็วจึงมีฐานข้อมูล ในการออกแบบสำเร็จรูปให้ใช้แบบเลือกไม่หวาดไม่ไหว เช่น รูปทรง, ภาพคลิปอาร์ท, เส้น ต่างๆ ไม่ต้องมานั่งเล็งเองให้เมื่อย

เว็บไซต์ : https://designer.gravit.io/

Vectr

ขั้นระดับพื้นฐานแบบสุดๆ เหมาะสำหรับงานที่ง่ายๆ เช่น ทำรูปปก เป็นต้น เอกลักษณ์ คือ ทุกภาพที่คุณสร้างจะได้ URL ไว้เพื่อแชร์ให้คนอื่นดูได้อีกด้วย

เว็บไซต์ : https://vectr.com/new

Boxy SVG

มีเอกลักษณ์ คือ สามารถทำงานร่วมกับไฟล์ SVG ได้ ทำให้ง่ายต่อการนำภาพที่มีอยู่ ไปแก้ไขบนโปรแกรมอื่นๆ ได้อีกด้วย และยัง Output ภาพออกมาเป็น HTML code ได้ด้วย ซึ่งเหมาะมากแก่คนที่ต้องใช้งานในด้านนี้ และมีเครื่องมือสร้างรูปทรงให้เลือกมากมาย, Pen และ Curve ก็มีครบ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

เว็บไซต์ : https://boxy-svg.com/app

Canva

เว็บไซต์ชื่อดัง ในเรื่องของการออกแบบบนเว็บไซต์ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จุดเด่น คือ มี Template สำเร็จรูปให้ใช้งานมากกว่า 50,000 แบบ ไม่ว่าคุณจะ ออกแบบโลโก้, ปกหนังสือ, โปสเตอร์ ต่างๆ ครบ มาในแบบสำเร็จรูป หยิบนู่น จับนี่มาประกอบกัน งานถนัดของเขาล่ะ

เว็บไซต์ : https://www.canva.com/

Figma

เน้นงานในแบบที่หลากหลาย เครื่องมาครบ ชัด จัดเต็ม จึงเหมาะมากกสำหรับผู้ที่ใช้ Illustrator เป็นอยู่แล้ว สร้างสมาชิกร่วมทำงานแบบทีมได้สูงสุด 2 คน ทำให้แลดูเป็นมืออาชีพขึ้นมามากเลยทีเดียว มีเอกลักษณ์ในเรื่องของการออกแบบ Interface พร้อมสนับสนุนไฟล์ Sketch ได้แบบสบายๆ จึงไม่น่าแปลกใจทำไมถึงได้รับความนิยมในอันดับต้นๆ

เว็บไซต์ : https://www.figma.com/

Inkscape

Inkscape เป็นโปรแกรมเก่า หากแต่ในเรื่องของคุณภาพนั้นเจ๋งสุดๆ ผู้ใช้งานบางคนนำมาใช้แทน Illustrator คุณสามารถ ใช้งานผ่าน Web Browser ได้ผ่านบริการของ RollApp แนะนำให้ใช้งานแบบ Full Screen จะได้คุณภาพที่ชัดจัดเต็มกว่า แต่ถ้าจะให้แนะนำมากกว่านี้ก็คือ อย่างไรโปรแกรมตัวนี้ ก็เป็นโปรแกรมฟรีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะใช้งานแบบคุ้มในทุกๆ ให้ดาวน์โหลดมาติดตั้งเลยจะสะดวกต่อชีวิตมากกว่า

เว็บไซต์ : https://www.rollapp.com/app/inkscape

Janvas

ถึงแม้ว่าเครื่องมือจะไม่มีความอลังการงานสร้างมากเท่าไหร่ หากแต่ก็รองรับการทำองค์ประกอบขั้นพื้นฐาน อย่าง Mask, Pen tool และ Text ซึ่งก็มีลูกเล่นละลานตาเหมือนกัน หรือถ้าคุณเป็นมือใหม่แบบสุดๆ ก็มี Template ให้เลือกมากมายอีกทั้งยังมี ICON และ UI สำเร็จรูปให้เลือกใช้งานด้วย แต่สำหรับโปรแกรมตัวนี้ อาจไม่ทันใจ คุณต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจอยู่พอสมควร ถึงจะพบกับรูปแบบที่มีความเหมาะสม ต่อการใช้งานของแต่ละคนได้อย่างเข้ามือ

เว็บไซต์ : https://www.janvas.com

Vecteezy Editor

เหมาะกับผู้ที่มีไฟล์ SVG อยู่แล้ว หากแต่ต้องการจะแก้ไข แนะนำ Vecteezy จัดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ จะทำให้การทำงานของคุณนั้นสะดวกมากขึ้น เพราะโปรแกรมตัวนี้ค่อนข้างมาแบบสำเร็จรูป อีกทั้งยังก็มีองค์ประกอบให้คุณเพิ่มเติมสิ่งต่างๆ เข้าไปได้แบบง่ายๆ อีกทั้งยังสามารถบันทึกเป็นไฟล์ SVG หรือ PNG ได้อีกด้วย

เว็บไซต์ : https://www.vecteezy.com/editor

สำหรับบางโปรแกรมที่เรานำมาเสนอกันในวันนี้ อาจแลดูใช้งานยาก สำหรับคนที่เป็นมือใหม่จริงๆ จะลองเลือกโปรแกรมประเภทเน้น Template ก่อนก็ได้ ค่อยๆ ฝึกฝนไป จนกระทั่งขยับไปใช้โปรแกรมที่มีเครื่องมือเยอะขึ้น และสร้างลูกเล่นได้หลากหลายกว่านั่นเอง

ไอที เทคโนโลยีต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมากในปัจจุบัน เราทุกคนต้องมีความรู้เบื้องต้นติดตัวเอาไว้เพื่อที่จะได้ทันโลก ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ หลายคนคงจะเคยเห็นเว็บไซต์กันมาบ้าง เห็นว่าเว็บไซต์มีหน้าตาอย่างไรออกมาสวยแค่ไหน เวลาที่เราจะเข้าไปดูข้อมูลของบริษัทต่างๆ หรือแม้แต่ซื้อสินค้าบริการก็ตามเคยสงสัยกันหรือไม่ว่าเว็บไซต์นั้นสร้างมาได้อย่างไร ออกแบบมาอย่างไร ใช้อะไรทำ เราจะมาแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับความรู้ในด้านนี้มากขึ้น นั่นก็คือ ภาษา CSS บางท่านคงจะไม่เข้าใจว่าคืออะไรกันแน่ ตามมาทำความรู้จักกันได้เลย

ภาษา Css คืออะไร ?

ภาษา css นั้นย่อมาจากประโยค Cascading Style Sheets มีหน้าที่หลักเลยก็คือ คอยวางองค์ประกอบของ HTML/XHTML  ให้มีส่วนของหน้าตา ระยะห่างต่างๆ ให้ออกมาพอดี โดยได้มีการรับรองการกำหนดมาตรฐานจาก W3C  ออกมาแล้วว่า css นั้นคือภาษาที่เอาไว้ตกแต่งเว็บไซต์นั่นเอง

ภาษา css มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

สำหรับภาษา css นั้น จริงๆมีประโยชน์มากมายหลายส่วนมากเลยทีเดียว เราไปดูประโยชน์ของ css กันดีกว่า

1. ภาษา css จะเข้ามาช่วยในด้านการทำงานของ HTML ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว จะช่วยทำให้สามารถเข้าใจในเนื้อหาได้มากขึ้น การแก้ไขเอกสารต่างๆ ก็ทำได้ง่ายขึ้น ผู้ใช้จะสามารถแยกได้เป็นการลดขั้นตอนการทำงานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว อีกทั้งยังรวมไปถึงช่วยในการแสดงผลได้อีกต่างหาก
2. การดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ของไฟล์จะทำได้เร็วขึ้นตามไปด้วย เพราะเมื่อเราได้ใช้ภาษา css เข้ามาช่วยในการทำงานในส่วนของ code ในเอกสาร HTML ก็จะลดลงไป นั่นก็หมายถึงตัวของไฟล์งานจะเล็กลงทำให้ดาวร์โหลดได้เร็วขึ้น
3. ช่วยในการลดข้อมูลด้วยคำสั่ง style sheet  ให้ออกมามีหน้าตาเหมือนกัน จึงทำให้ในส่วนของการแก้ไขข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งท่านยังสามารถควบคุมในเรื่องของการแสดงผลออกมาในเหมือนกับ Web Browser ได้อีกด้วยนั่นเอง
4. สามารถช่วยในเรื่องของการแสดงผลออกไปให้มีความเหมาะสมในด้านสื่อได้เป็นอย่างดี
5. เพิ่มความเป็นมืออาชีพให้กับทางเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้มีมาตรฐานที่ดี

การใช้ภาษา css จะช่วยในการกำหนดสไตล์หรือแก้สไตล์ให้ชัดเจนได้อย่างไร

เราลองมากำหนดสไตล์กันดีกว่า แต่เราจะไม่ใช้ภาษา Html นะ เราจะกำหนดสไตล์โดย css กัรไปเลยเพื่อที่จะให้ทุกคนได้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นนั่นเอง

1. โดยขั้นตอนแรกเลยเราจะมีการทำไฟล์ css แต่อาจจะยังไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมากมายนักว่ามันถูกตั้งไว้ที่ใด แต่เราจะใช้วิธีเพิ่ม code ในส่วนของ css ลงไปเราอาจจะตั้งชื่อตามต้องการไปได้เลยในไฟล์งานนั้น
2. เมื่อเราได้กำหนดขึ้นมาได้แล้ว แต่เราอาจจะต้องการส่วนในการย่อนหน้าหรือพื้นหลังสีใดก็ตามก็พิมพ์ลงไปในนั้นได้เลยเป็นภาษาไทยปกติ แต่ต้องใส่ตัวสัญลักษณ์ทางด้านภาษาของไอทีอย่าง Html หรือ css ลงไปด้วย
3. ตัวอย่างเช่นผลลัพธ์ที่เรากำหนดเป็นย่อหน้าและมีสีแดง เราก็สังเกตุว่าออกมาตามนั้นหรือไม่
4. ประโยชน์ของ css ก็คือ เมื่อท่านต้องการแก้ไขก็แค่นำ code มาใส่ในรายละเอีนดไฟล์เท่านั้นก็สามารถแก้ไขได้แล้ว ไม่ต้องมีอะไรยืดยาดมากมาย
5. เข่นวันไหนต้องการปรับ center หรือ ปรับสีจากสีแดงเป็นสีเขียว เราก็เข้าไปที่ไฟล์งานได้เลยโดยตรง แล้วใส่ code ไปจุดเดียวเท่านั้นพอ ไม่ต้องยุ่งยากเรียกได้ว่าตามสไตล์เราได้เลย ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นข้อดีอย่างมากที่เราใช้ตัว css เพื่อช่วยในการทำงานของเอกสาร Html

ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาษาคอมพิวเตอร์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมในเว็บไซต์บน World Wide Web (WWW.) มีอยู่มากมายจนในบางครั้งก็อาจจะเกิดความเข้าใจผิด สับสน อย่าง php ก็เป็นอีกภาษาคอมพิวเตอร์ที่น่าสนใจ ซึ่งมีหลายคนนำมาใช้เขียนโปรแกรมในเว็บไซต์ด้วย แต่ถึงกระนั้นเราก็เชื่อว่ายังมีบางคนที่อาจจะอยากนำภาษา php ไปเขียนโปรแกรมในเว็บไซต์แต่ก็ไม่ได้เข้าใจในความหมาย ยังเกิดความสงสัยอยู่ บทความนี้ช่วยคุณได้แน่นอน เพราะเราได้รวบรวมข้อมูล ความหมายของภาษา php ทั้งหมดมาไว้ให้แล้ว จะเป็นอย่างไรรีบไปดูกันเลย

ทำความรู้จักภาษา php กันก่อน

สิ่งแรกที่เราต้องศึกษาอย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นก็คือ ความหมายของภาษา php โดย php ย่อมาจาก PHP Hypertext Preprocessor (แต่แรกเริ่มเดิมทีย่อมาจาก Personal Home Page Tools) จัดอยู่ในกลุ่มภาษาคอมพิวเตอร์ประเภท scripting language โดยคำสั่งต่างๆ ที่เรากำหนดจากภาษาประเภทนี้จะถูกเก็บไว้ในไฟล์ของ script ซึ่งเวลาที่ต้องการใช้งานคำสั่งจะต้องมีการแปรชุดคำสั่งนั้นออกมาก่อน (ตัวอย่างภาษาของ script ก็อย่างเช่น Perl, JavaScript ฯลฯ)

ลักษณะภาษา php จะมีความต่างจากภาษาของ script อื่น ตรงที่มีการถูกพัฒนา รวมถึงออกแบบให้สามารถสร้างเอกสารในรูปแบบ html ได้ ด้วยการแก้ไข หรือสอดแทรกเนื้อหาให้แบบอัตโนมัติ ทุกๆ ครั้งก่อนจะให้บริการเป็นโปรแกรมที่ร้องขอข้อมูลผ่านเว็บบราวเซอร์ (Web server) ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษา php ที่เขียนอยู่หน้าเว็บเพจจะถูกส่งมาให้กับเรา พูดง่ายๆ ว่าส่งการแสดงผลหน้าเว็บเพจให้เราได้เห็นก่อน betflik คาสิโน จึงอาจเรียกได้ว่า php เป็นภาษาแบบ HTML-embedded scripting language หรือ server-side ที่ถือเป็นเครื่องมือสำคัญช่วยให้เราสร้างเว็บเพจที่มีการตอบโต้กับผู้ใช้งานที่เข้ามายังหน้าเว็บเพจ (Dynamic Web pages) ได้ มีลูกเล่น มีประสิทธิภาพสูง

ภาษา Pnp มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และแพร่หลายเนื่องจากเปิดเผยรหัสต้นฉบับจากกลุ่มนักพัฒนาเป็นสาธารณะ นักพัฒนาคนไหนก็สามารถเข้ามาปรับปรุง พัฒนาได้ หรือที่เรารู้จักกันว่าเป็นแบบ OpenSource ยิ่งถูกนำไปใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการอย่าง FreeBSD หรือ Linux ซึ่งจัดอยู่ใน Apache Web server ยิ่งได้รับการพัฒนาและแพร่หลายรวดเร็วกว่าเดิม ปัจจุบัน Web Server ที่อยู่ในระบบปฏิบัติการ Windows 95/98/NTที่มีอยู่หลายๆ ตัวสามารถไปใช้งานร่วมกับภาษา php ได้แล้ว

คุณสมบัติอันโดดเด่นของภาษา php

– ภาษา php มีขีดความสามารถแบบไม่จำกัด เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่วิ่งไปพร้อมกับ Sever

– ภาษา php เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้กลไกได้ง่าย เนื่องจากมีไวยากรณ์ภาษา มีโครงสร้างง่ายมาก รวมถึงได้เข้าไปอยู่ใน html เรียบร้อยแล้ว

– ภาษา pnp สามารถนำไปใช้กับการประมวลผลภาพได้

– ภาษา pnp มีความสามารถในการใช้ร่วมกับ XML ได้ทันทีด้วยเช่นกัน 6

– ภาษา php สามารถใช้งานได้ฟรี ไม่เสียเงิน ข้อนี้หลายคนยิ้มกรุ้มกริ่มกันเลยสินะ

– ภาษา php สามารถใช้งานได้กับเครื่องที่มีระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะ Windows, UNIX หรือ Linux ได้หมดถ้าสดชื่น (เป็นแบบ Conlatfun)

– ภาษา php สามารถใช้กับแฟ้มข้อมูลต่างๆ ได้

– ภาษา php สามารถนำไปใช้กับโครงสร้างของข้อมูลได้เยอะ ไม่ว่าจะแบบ Associative array, Array หรือ Scalar

– ภาษา php สามารถใช้กับข้อมูลที่มาในรูปแบบตัวอักษรไม่อย่างดี มีประสิทธิภาพขั้นสุด

– ภาษา php นอกจากมีประสิทธิภาพขั้นสุดด้านข้อมูลรูปแบบตัวอักษร ยังมีประสิทธิภาพและเร็วเมื่อนำไปใช้กับ Apach Xerve เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมอื่นจากภายนอก

สำหรับเวอร์ชั่นของภาษา php ที่ถูกพัฒนามา มีตั้งแต่ php  ซึ่งเกิดในปี 1994, php2 (ขณะนั้นใช้ชื่อ php/fi) เกิดระหว่างปี 1995-1997, php3 เกิดในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน ปี 1997 ถึงปี 1999, php4 เกิดตั้งแต่ปี 1999 – 2007 และ php5 เกิดตั้งแต่ปี 2007 – ปัจจุบัน

เพียงเราเข้าใจถึงข้อมูล ความหมายของภาษา php เชื่อว่าจะทำให้มีเว็บไซต์เป็นของตนเองที่ออกมาดี มีประสิทธิภาพ รองรับผู้เข้าชม การตอบโต้ได้แบบเริ่ดๆ

เมื่อพูดถึงภาษาคอมพิวเตอร์ที่หลายคนเคยเรียนมา หรือตอนนี้กำลังศึกษาหาข้อมูลอยู่ต้องคุ้นหูกับเจ้า html ภาษาคอมพิวเตอร์ตัวนี้กันบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แม้ว่าจะมีแอพพลิเคชั่น หรือวิธีสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปง่ายๆ มาช่วย แต่ถึงกระนั้นก็คงไม่อาจลืมตัวช่วยให้การสร้างเว็บเพจนี้ไปได้ ว่าแต่ html คือ ภาษาคอมพิวเตอร์รูปแบบไหนใครที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ ก็มาศึกษาหาข้อมูลกันได้ผ่านบทความนี้

html คือ ภาษาคอมพิวเตอร์รูปแบบไหน

สำหรับ html หรือ HyperText Markup Language เป็นภาษารูปแบบ Script ที่มีไว้ใช้เกี่ยวกับการทำเว็บเพจ ที่อยู่ในระบบ World Wide Web (www.) เป็นการเขียนคำสั่งเพื่อทำให้คอมพิวเตอร์มีการแสดงผลทางหน้าจอของเว็บเพจตามที่เราต้องการ ทั้งเนื้อหา สี ภาพ ตำแหน่ง การเชื่อมโยง การเคลื่อนไหว ฯลฯ ของเว็บเพจ แน่นอนว่าชุดคำสั่งของ html ต้องถูกและเป็นเหตุเป็นผลกัน ผู้คิดค้นคือ Tim Berners-Lee โดยได้กำหนดไว้ว่า html สร้างขึ้นเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์เผยแพร่ผลงานตนเอง รวมถึงอ้างอิงได้ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันปิด และอีกข้อคือสร้างเพื่อใช้เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ช่วยในกรณีที่ไม่ขึ้นกับเครือข่ายหรือระบบทางคอมพิวเตอร์ใด ซึ่งจะเป็นภาษาท้องถิ่น

ต้นแบบของ html มาจากภาษาที่ใช้ได้แค่กับประเภทของคอมพิวเตอร์ อย่าง sgml หรือ Standard Generalized Markup Language โดยรับเอาการกำหนดรูปแบบเอกสาร และการประกาศค่ามา ถามว่าทำไม html ถึงเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ถูกพูดถึง และนิยมใช้งาน (html และ http หรือโปรโตคอล) ก็เพราะสามารถใช้งาน สื่อสารได้ สามารถถ่ายโอนกันไปมาทั่วโลกทั้ง รูปแบบตัวอักษร เสียง หรือรูปภาพ เนื่องจากประเภทคอมพิวเตอร์มีความหลากหลาย และตัว html และ http ไม่ขึ้นตรงกับระบบเครือข่ายใดๆ

Html บอกอะไรเรา

ในการเข้าเว็บเพจจะมีภาษา html อยู่เสมอ (กดปุ่ม F12) โดย html จะบอกถึงโค้ดในการจัดวางหน้าเว็บเพจ หรือในบางครั้งก็อาจจะมีแหล่งลิงค์ ที่คอยเชื่อมโยงไปมาของข้อมูล แหล่งที่มา เสียง ภาพ หรือคลิปวิดีโอที่เรานำมาใช้งานอยู่ภายในเว็บเพจ พวกสี ตัวอักษร ขนาด ฯลฯ ก็บอกไว้ทั้งหมด

html กับคำสำคัญที่ควรรู้

จริงๆ แล้วภาษาของ html มีอยู่เยอะมาก เอาเป็นว่าบทความนี้แนะนำเป็นขั้นพื้นฐานแล้วกัน เช่น

<title>…<title> ตัวนี้จะหมายถึง คำสั่งตำแหน่งของหัวข้อที่จะให้แสดงผล

<body>…<body> ตัวนี้จะหมายถึง คำสั่งที่เนื้อหาจะแสดงขึ้นมา

<html>…<html> ตัวนี้จะหมายถึง คำสั่งในการเขียนเว็บเพจตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปยันจุดสิ้นสุด จะให้เว็บเพจนั้นออกมารูปแบบไหน ทำอะไรได้

นอกจากนี้ ยังมีชุดคำสั่งที่กำหนดโค้ดไว้เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือบางครั้งก็ไม่เป็นคำศัพท์ใดๆ แต่เป็นการนำเลขฐานมาถอดเป็นโค้ดแทน อย่าง การกำหนดสีต่างๆ #BBBBBB = สีเทา #FFFFFF = สีขาว เป็นต้น แน่นอนว่าบรรดาคนทำหรือตกแต่งเว็บเพจต้องศึกษาและทำความเข้าใจกับภาษา html เบื้องต้นเหล่านี้ทั้งหมดไว้ด้วย

html ภาษาทางคอมพิวเตอร์ในเวอร์ชั่นต่างๆ

– html2.0 : เวอร์ชั่นเริ่มต้น ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไรนัก สุดท้ายได้มีการเพิ่มชุดคำสั่งลงไปใหม่

– html3.0 : เป็นเวอร์ชั่นที่ถูกพัฒนาโดย W3C แต่ Netscape, Microsoft และบริษัทอื่นๆ ไม่ยอมรับ W3C จึงปรับปรุงใหม่

– html3.2 : เป็นเวอร์ชั่นที่ W3C ปรับปรุงใหม่ แม้จะถูกยอมรับในปี 1997 ให้เป็นมาตรฐาน แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจ เนื่องจากนักออกแบบชอบใช้ชุดคำสั่งใหม่ ที่ยังไม่ได้รับมาตรฐาน

– html 4.0 : ถูกปรับปรุงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คนทำเว็บเพจควบคุมรูปภาพและรูปแบบเอกสารบนเว็บเพจได้ดี ซึ่งยังแบ่งย่อยออกมาอีก 3 ประเภท ได้แก่ แบบ Frameset (Frameset HTML 4.0), แบบเคร่งครัด (Strict HTML 4.0) และแบบค่อยเป็นไป (Transitional/ Loose HTML 4.0)

จะเห็นได้ว่า html เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ค่อนข้างซับซ้อน จึงต้องหมั่นศึกษา จดจำ เพื่อให้การส้รางเว็บเพจออกมาดูดี มีประสิทธิภาพ ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยคลายความสงสัยไม่มากก็น้อย